ถาม-ตอบปัญหาธรรมะ

ทำให้ตาย

๑๙ พ.ค. ๒๕๖๑

ทำให้ตาย

พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต


ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม วันที่ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๖๑

วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) .หนองกวาง .โพธาราม .ราชบุรี


ถาม : เรื่องการุณยฆาต

กราบนมัสการหลวงพ่อที่เคารพ 

กระผมอยากถามความเห็นของหลวงพ่อ ในเรื่องเกี่ยวกับ การุณยฆาต ที่ดูเหมือนจะเป็นกระแสในโลกตะวันตกในยุคนี้ ที่ผู้ป่วยขั้นสุดท้ายผู้มีความเจ็บปวดทางกายและใจ คนแก่ชราที่ ไม่ต้องการจะมีชีวิตต่อไป หลายประเทศอนุญาตให้แพทย์ทำการการุณยฆาต โดยการให้กินยา หรือฉีดยาที่ทำให้ผู้ป่วยไม่เจ็บปวด และจากไปอย่างสงบ

กรณีล่าสุดมีนักวิทยาศาสตร์อายุ ๑๐๔ ปี ที่เดินทางจากออสเตรเลียเพื่อไปให้แพทย์ทำการุณยฆาตฉีดยาให้จากไปอย่างสงบ ถึงที่สวิสเซอร์แลนด์ เป็นข่าวโด่งดัง และเชื่อว่าอาจทำให้เกิดกระแสสังคมการเลียนแบบ โดยสังคมส่วนมากเห็นว่า เป็น สิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม น่ายกย่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือผู้ที่นิยมการใช้เหตุผลทางโลก หรือผู้ที่ไม่เชื่อเรื่องโลกหน้า

กระผมจึงอยากถามว่าในทางพระพุทธศาสนามีมุมมองเรื่องนี้อย่างไร” 

เพราะเราเชื่อว่าการฆ่าตัวตายเป็นบาป แต่ในกรณีนี้ดูเหมือนว่า ผู้ที่เข้ากระบวนการไม่ได้มีความเศร้าโศกเสียใจ และมีความพร้อมที่จะจากไปอย่างสงบสุขท่ามกลางลูกหลานคนที่รัก และได้ทำการเตรียมความพร้อมทุกด้านเอาไว้ ซึ่งอาจจะต่าง จากผู้ที่ฆ่าตัวตายเพราะซึมเศร้าหรือผิดหวังในชีวิต ถ้ามองแบบโลกภายนอกก็เหมือนว่าน่าจะไปสู่ภพภูมิที่สุคติได้เหมือนกัน เพราะถ้าเขาได้ทำความดีสะสมเอาไว้เพียงพอ

กราบขอบพระคุณหลวงพ่ออย่างสูงครับ

ตอบ : อันนี้เวลาพูดถึง พูดถึงมุมมองของโลกๆ ถ้ามุมมองของโลก ความเจริญของโลก เมื่อก่อนอายุขัยของโลกสั้นมาก เพราะโรคภัยไข้เจ็บจะรุนแรงมาก โรคติดต่อสมัยโบราณ เวลาอหิวาตกโรคระบาดเขาย้ายประเทศเลยนะ เมืองหลวงนี่ย้ายเลย ย้ายเมืองๆ กัน เพราะเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ เพราะไม่มียาไม่มีต่างๆ แต่เวลาในทางการแพทย์ระบบสาธารณสุขเจริญขึ้น อายุขัยของมนุษยชาติยืนยาวขึ้นๆ ความยืนยาวขึ้นนี้ก็เป็นเรื่องความเจริญของโลก เวลาโลกเจริญขึ้นแล้วเราว่าโลกเจริญ

เวลาโลกเจริญขึ้นมา เห็นไหม สิ่งต่างๆ เรื่องกฎหมาย เรื่องต่างๆ มันก็เป็นถึงว่าความเจริญของแต่ละประเทศ แล้วเวลาแต่ละประเทศเวลาออกกฎหมาย ออกกฎหมายมาก็ว่าประเทศที่เจริญแล้วๆ ความเจริญแล้วเจริญทางวัตถุไง หลวงตาท่านพูดประจำ เวลาว่าโลกเจริญๆ มันเจริญทางวัตถุแต่หัวใจเป็นไฟ เป็นไฟทั้งนั้น มันจะเอาเจริญมาจากไหน ความเจริญนั้น เจริญแบบวัตถุ เจริญแบบนักวิทยาศาสตร์ แต่หัวใจของคนมันแผดเผา หัวใจคนมันทุกข์ร้อน 

แต่เวลาการออกกฎหมาย เห็นไหม เวลาออกกฎหมายบางประเทศไม่อนุญาต ไม่อนุญาตให้ทำการุณยฆาต แต่บางประเทศก็อนุญาต แต่กว่าบางประเทศที่อนุญาต กว่ากฎหมายจะออกได้ต้องมีการโต้แย้ง ต้องมีการทำประชาพิจารณ์ ต้องมีการโต้แย้งกันมามหาศาลเลย แต่! แต่มันก็เป็นเรื่องสังคม เรื่อง สังคมโลกไง สังคมโลก เพราะสังคมโลกบอกว่าการรักษาผู้ป่วย ผู้ที่ชราภาพมันสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างมาก เวลาเขาพูดทางเศรษฐกิจ เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างมาก เห็นไหม ตอนนี้เรื่องงบประมาณ เรื่องสาธารณสุข ทุกประเทศต้องทุ่มเททั้งนั้นเพื่ออะไร 

ยิ่งคน เห็นไหม คนแบบว่าสังคมคนผู้สูงอายุๆ เขาต้อง เตรียมงบประมาณไว้มหาศาลเลย เพื่อมารับรองมาดูแลคนป่วย อันนี้พอดูแลคนป่วย ถ้าระบบทางเศรษฐกิจ เห็นไหม ถ้าผู้ใด สิ้นชีวิตไป ไอ้งบประมาณมันก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไง งบประมาณ มันก็แบบว่าพอใช้ ไม่งั้นยกงบประมาณ ไปคิดแบบนั้น ก็เลย เป็นการออกกฎหมายให้มีการุณยฆาต การการุณยฆาตนี่นะสิ่งที่ ความเป็นไปๆ พูดถึงถ้าทางโลกมันเป็นเรื่องระบบเศรษฐกิจ เรื่องความมุมมอง เรื่องของคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่เขาเห็นแล้วเขาพอใจ

แต่ถ้าเป็นสัจจะเป็นความจริง ธรรมะขององค์สมเด็จ-พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สิ่งที่ ชีวิตของสัตว์โลก ศีล ศีล ไม่ให้เบียดเบียนกัน ไม่ทำร้ายกัน ให้ช่วยเหลือเจือจานกัน ทุกชีวิตรักชีวิตของตนเอง ทุกชีวิตปรารถนาความสุขเกลียดความทุกข์ นี้เวลาปรารถนาความสุขเกลียดความทุกข์ แล้วเวลามันเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาคิดว่าสิ่งนี้มันจนตรอก เวลาจนตรอกแล้วก็ทำการุณยฆาต การทำการุณยฆาต สิ่งที่การทำการุณยฆาตทำให้ตาย มีการกระทำๆ มีกรรมทั้งนั้น กรรมคือการกระทำ ถ้ากรรมมีการกระทำขึ้นมาแล้ว ถ้ามีการ กระทำถ้ามันทำให้เขาตายๆ มันจะเป็นบุญตรงไหน ใช่ เวลาเขาเจ็บไข้ได้ป่วย เห็นเขาเจ็บไข้ได้ป่วยแล้วมันทรมานก็ทำให้เขาสิ้นชีวิตไปซะ อันนี้เป็นบาปแน่นอน 

แต่ถ้ามันอีกกรณีหนึ่ง กรณีคนที่ตายแล้ว คนที่ตายแล้ว สมองตาย ทุกอย่างตาย ตายแล้ว เวลาคนเจ้าหญิงนิทรา เจ้าชายนิทรา คนที่ในทางการแพทย์บอกตายหรือยัง ยัง คนที่ตายแล้วๆ คือว่ามันเสื่อมสภาพหมด มันเสื่อมสภาพหมดไปแล้ว กรณีนี่เวลาเรายกถึงกรณีหลวงปู่หล้า หลวงปู่หล้าภูจ้อก้อ หมอเขารักษาไว้ ลูกศิษย์เป็นหมอเยอะแยะ หมอเขารักษาไว้ด้วย เทคโนโลยี แล้วหลวงตาท่านบอก ท่านไป ท่านเป็นคนไป ชักออกเอง ท่านสั่งให้หมอชักออกจากแบบว่า สายยางชักออกเลย พอชักออกสิ่งที่ตามออกมาคือมันพุ่งออกมาเลย เขียวคล้ำหมดเลย คือมันตายแล้ว 

เวลาตายแล้ว คนที่ตายแล้วแต่เทคโนโลยีที่มันประคองไว้ไง อย่างเช่น เรามีชีวิตอยู่ใช่ไหม เวลาเขาเทคโนโลยีประคองมา ประคองมา การที่ประคองมามันเหมือนชีวิตใช่ไหม ถ้าไม่มีชีวิตเลยเราจะไปเอาธาตุ มาปั้นให้เป็นสิ่งมีชีวิตเป็นไปไม่ได้ แต่คนที่มีชีวิตแล้วเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแต่มีการรักษา พอมีการรักษาขึ้นมา รักษาถึงที่สุดแล้ว มันแบบว่าชีวิตมันอยู่ได้ด้วยเทคโนโลยี ชีวิตโดยส่วนตัวอยู่ไม่ได้ มันอยู่ไม่ได้แล้ว แต่ดูแลไว้ แล้วเวลาหลวงตาท่านเทศนาว่าการแล้วท่านไปพิจารณาของท่าน เห็นไหม ท่านให้เอาออกซะ พอเอาออกก็สิ้นชีวิต อย่างนี้ไม่ใช่ การุณยฆาต มันแบบว่ามันตายแล้ว มันแบบว่ามันอยู่ด้วยไม่ได้ แต่มันอยู่ได้ด้วยเทคโนโลยี ไอ้นี่กรณีหนึ่งนะ 

แต่กรณีอย่างนี้ การุณยฆาต คนแบบยังเดินได้ คนยังสมบูรณ์อยู่แล้วทำให้มันตาย การทำให้ตายๆ การุณยฆาตมันเมตตาตรงไหน เราจะบอกว่าเวลากรณีนี้กรณีหนึ่งนะ แล้วอีกกรณีเราสมบูรณ์ เราแข็งแรง เราไปปิกนิก เราไปทัศนาจร แล้ว เราไปประสบอุบัติเหตุ คนแข็งแรงคนประสบอุบัติเหตุตายทันทีเลย แล้วตาม แยก แยกนี่เวลาวันพระ วันโกน มันยังมี เสียงนะ แต่เดิมนะ ทัวร์ทั่วไปน่ะทัวร์ฉิ่งฉับ โอ๋ย! มันมีความ สนุกครึกครื้น มีความสุขตลอด รถมันไปชน รถมันคว่ำตาย ตายเป็นปัจจุบัน วันพระวันโกนตาม แยก ตามทางโค้งนะ ฉิ่งฉับๆๆ เขายังได้ยินกันอยู่เลยนะ 

เราจะบอกว่าตามอายุขัย คนเรานะเกิดมาตามเวร ตามกรรมจำแนกให้สัตว์เกิดต่างๆ กัน เวลาหมดอายุขัยแล้วมันก็เสวยภพเสวยชาติต่อไป แต่คนเราถ้ามันไปตัดทอนนั่นน่ะ สัมภเวสี สัมภเวสีแสวงหาที่เกิด สัมภเวสียังไม่หมดอายุขัยแต่ละภพแต่ละชาติ ไปตัดทอนมันนะ มันต้องไปเป็นสัมภเวสี เป็นสัมภเวสีมีความทุกข์ความยาก มันอีกมหาศาลเลย

แต่เวลาคนเราถ้าหมดอายุขัยแต่ละภพแต่ละชาติไป เห็นไหม ดูสิ คนเราเกิดเป็นมนุษย์ เราหมดอายุขัยความเป็นมนุษย์แล้วตายไปแล้วนะ ตายไปแล้วไปเกิดเป็นมนุษย์ซ้ำ เกิดเป็นมนุษย์ใหม่ เกิดเป็นมนุษย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่าๆ การเกิดเป็นมนุษย์ การเกิดเป็นเทวดา อินทร์ พรหม ระหว่างช่องว่างเนี่ยจิตนี้ไม่ เคยว่าง จิตนี้ไม่เคยตายๆ แต่จิตนี้ไม่เคยตาย ตายในภพชาติใด ถ้ามันไม่หมดอายุขัย เวลาทำไปแล้วนี่สัมภเวสีไง เพราะมันไม่ใช่เกิดตายตามธรรมชาติไง 

การเกิดตายเป็นธรรมชาติมันยังมีกรรมตัดรอนอีกนะ อย่างเช่น ประสบอุบัติเหตุต่างๆ พวกนี้ในเมื่อมันมีช่องว่าง ช่องว่างของอายุขัย พวกนี้พวกสัมภเวสียังต้องไปแสวงหาที่เกิด แต่เวลาหมดอายุขัย หมดอายุขัยตามภพชาตินี้มันจะไปเสวย ภพชาตินั้น ภพชาตินั้น ไปตามแต่อำนาจของกรรม กรรมดี กรรมชั่วไง นี่พูดถึงผลของวัฏฏะนะ แต่วิทยาศาสตร์พิสูจน์ไม่ได้และมองเห็นไม่ได้ แล้วหลวงพ่อพิสูจน์อย่างไร เออ! หลวงพ่อจะพิสูจน์อย่างไร

เวลาพิสูจน์ขึ้นมา มันพิสูจน์เพราะมันมีครูบาอาจารย์เรา ท่านทำได้ พอท่านทำได้ขึ้นมา เห็นไหม มันเลยเป็นประเพณีวัฒนธรรม เห็นไหม เวลาเราเอาอาหารไปตาม แยก แยก สัมภเวสีคือพวกจิตวิญญาณ เห็นไหม ครูบาอาจารย์ท่านให้ทำทานให้เขาได้ที่พึ่งที่อาศัย นี่พูดถึง ผลของวัฏฏะนะ แต่เป็น ทางวิทยาศาสตร์ให้อีกเรื่องหนึ่ง 

นี่พูดถึงว่าผลของวัฏฏะก่อน ผลของวัฏฏะคือจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ กามภพ รูปภพ อรูปภพ แล้วพูดเป็นธรรมะนะ มันก็จะเป็นวิวัฏฏะคือการออกจากภพ การออกจากภพด้วยการภาวนา บุคคล คู่ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล มรรค ผล นิพพาน นั่น เป็นธรรมะที่สูงส่งกว่านี้ ไอ้นี่ไม่ใช่ ไอ้นี่พูดถึงเรื่องโลกๆ เลย เรื่องแบบว่าการุณยฆาต เรื่องการเกิด การตายเลย แต่การ เกิดการตายในทางโลกไง 

ฉะนั้น เขาบอกว่าสิ่งที่ว่าเขาทำการุณยฆาตมันเป็นความเห็นของเขา นี่เขาบอกว่ามันจะเกิดกระแสเลียนแบบถ้ากระแสเลียนแบบนี่มันเป็นทางโลก ทางโลกเพราะเขาคิดแบบ วิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เห็นไหม เราพูดประจำว่า วิทยาศาสตร์แก้กิเลสไม่ได้ วิทยาศาสตร์เป็นสูตร เป็นทฤษฎี เป็นข้อเท็จจริงนะ แต่ข้อเท็จจริงตามทฤษฎีตามวิทยาศาสตร์นั้น 

แต่กรรมนะ เหมือนคน เห็นไหม เวลาคนเราถ้ามีศีล ถ้าซื่อสัตย์ คนเราถ้าซื่อสัตย์มีศีล ศีล ศีล ๑๐ ศีล ๒๒๗ สังคมจะมีความสุขมาก ไอ้นี่ว่าถือศีลๆ ชาวพุทธถือศีลทั้งนั้น แล้วทางตะวันตกเขาแปลกใจนะ เขามาเที่ยวเมืองไทย เขาบอกตอนเช้ามันไปใส่บาตร ตกเย็นมันตีไก่ กลางคืนมันกินเหล้า มันพิจารณาไปเลยศีล เหรอ มีเมตตาเหรอนี่พูดถึงถ้าวัฒนธรรมก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ นี่พูดทางวิทยาศาสตร์ 

ทีนี้คำว่ายกย่องโลกจะเป็นการเลียนแบบ จะมี การยกย่อง ถ้าเป็นการยกย่องขึ้นมาแล้วนะ คำว่ายกย่องยกย่องตรงไหน ยกย่องเพราะคน เห็นไหม คนเรามนุษย์ต่างจากสัตว์ เพราะมีศีลมีธรรม ถ้าไม่มีศีลมีธรรมก็คิดอย่างนี้คิดแบบวิทยาศาสตร์ แล้วเวลาตายไปแล้ว ตายไปแล้ว มันจะน่าเสียใจ คำว่าน่าเสียใจมันมี มันมีอยู่ที่ว่ามันเป็นลูก เขามีปัญหากับพ่อแม่เขามาก สุดท้ายเขาก็ทำร้ายตัวเขาเอง เขาตายไป พอตายไปมาเข้าฝันพ่อทุกข์มาก ทุกข์มากเพราะอะไร เพราะ มันยังไม่หมดอายุขัยไง ทุกข์มาก คิดว่าฆ่าตัวตายไปแล้วมันจะหมดภาระ เราอยู่ในบ้านมีความขัดแย้งมาก พอมีความขัดแย้งมากก็ตัดช่องน้อยแต่พอตัว ไปแล้วเรื่องจะได้จบ 

มันไม่จบ มันไม่จบเพราะสัมภเวสีไง ไปแล้วขาดแคลน ไปทุกเรื่องเลย หิวกระหาย หิวโหยทุกอย่างเลย กลับมาเข้าฝัน เข้าฝัน ตอนที่ว่าตอนอยู่ด้วยกันขัดแย้งกันมาก แต่พอเวลาตาย ไปแล้ว เพราะคิดว่าจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว ตายไปแล้วเรื่องจะได้จบ พอเขาตายไปแล้วนะ มันไปทุกข์ยากยิ่งกว่าเก่ามาก เลยกลับมาเข้าฝัน กลับมาเข้าฝันผู้ที่มีความขัดแย้งกันนั่นน่ะ ว่าขอให้ทำบุญให้หน่อยตอนอยู่ในโลกนี้ขัดแย้งกันมากนะ คิดว่าตัดช่องน้อยแต่พอตัวจะได้เลิกกัน จะได้จบกันเสียที เพราะมันทำลายตัวเองไป มันไปแล้วมันจนตรอกยิ่งกว่าเดิม 

พอจนตรอกยิ่งกว่าเดิม ไอ้ที่ว่าขัดแย้งๆ ต้องกลับมาขอร้องเขานะทำบุญกุศลให้บ้าง ทำบุญกุศลแล้วอุทิศส่วนกุศล เพื่อเขาจะได้ผ่อนคลาย เพราะคนเรานะหิวกระหายแล้วมีอยู่ มีกินมันก็พอทนนะ ไอ้หิวกระหายแล้วไม่มี แล้วภาษาเรานะ มันเป็นจิตวิญญาณ หิวกระหายนะ ไม่มี แล้วไม่ตายด้วย ไอ้ของเราหิวกระหายถึงที่สุดแล้วตายนะ จบนะ แต่เขาหิวกระหายขนาดไหนก็ไม่ตาย เพราะมันไม่มีร่างกายไง แต่มันหิวกระหายเพราะเวรกรรมไง มาเข้าฝันนะ 

นี่พูดถึง คิดว่าตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วมันจะจบ เรื่องมันจะจบ เพราะคิดวิทยาศาสตร์ไง เอ้า! เขาตายไปแล้วก็จบไง นี่ยกย่องสรรเสริญไง เขาจะได้เอาอย่างไง แล้วมาคิดแบบ ทางโลกไง เขาคิดๆ เห็นๆ กันอย่างนี้ไง มันสิ้นเปลือง งบประมาณ การดูแลรักษาผู้สูงอายุใช้งบประมาณมาก คิดไปนู่น คิดแต่เรื่องอย่างนี้ แต่ไม่ได้คิดถึงศีลธรรม ไม่ได้คิดถึงข้อเท็จจริง แต่ข้อเท็จจริงแล้ว ใครไปพิสูจน์ได้ล่ะ 

พิสูจน์ได้นะ เราดูแลกันด้วยน้ำใจ ดูแลกันด้วยความดี อันนี้มันจะทำให้เบาบางลง คนที่โกรธ คนที่เจ็บป่วยขึ้นมาได้รับ การดูแลด้วยคำพูด ได้รับการดูแลด้วยน้ำใจ เขาก็เบาบางลงแล้ว ความเบาบางลงแล้วมันก็ไปบรรเทาไอ้ความเจ็บไข้ได้ป่วยให้บรรเทาลง มันรอได้ ทุกอย่างก็รอได้ ถ้าหัวใจมันร่มเย็นแล้วมันรอได้ ถ้าหัวใจมันเร่าร้อนมีแต่ความทุกข์ความยาก มันบีบคั้นนะ วินาทีหนึ่งก็รอไม่ได้ วินาทีหนึ่งก็ทะเลาะกันอยู่แล้วล่ะ ฟ้องนะ ฟ้อง ฟ้องเลย มีปัญหาไปหมดล่ะ นี่ถ้าพูดถึงปัญหานะ ถ้าขาด ศีลธรรม

ฉะนั้นกระผมถึงอยากถามว่า ในทางพระพุทธศาสนามีมุมมองเรื่องนี้อย่างไร เพราะเชื่อว่าในการฆ่าตัวตายนี้เป็นบาป แต่ในกรณีนี้ดูเหมือนว่าผู้ที่เข้าขบวนการนี้ ไม่ได้มีความเศร้าโศก เสียใจ และมีความพร้อมที่จะจากไปอย่างสงบสุข ท่ามกลาง ลูกหลานคนที่รัก และได้รับการเตรียมความพร้อมทุกด้านเอาไว้ ซึ่งอาจจะต่างจากผู้ที่ฆ่าตัวตายเพราะซึมเศร้าและผิดหวังในชีวิต” 

ไอ้กรณีนี้มันเป็นมิจฉาทิฏฐิ ทิฏฐิความเห็นที่ผิด ถ้าทิฏฐิความเห็นที่ผิด เห็นไหม ถ้าเป็นสัมมาทิฏฐิ ๑๐๐ ปีของเรา เท่ากับ วันของเทวดาชั้นจาตุมฯ ๑๐๐ ปีของเราเท่ากับ วัน เท่าเขา วัน แล้วเวลาในพระไตรปิฎกนะ พวกเทวดา เขามาเก็บดอกไม้กันไง แล้วพวกเทวดาเขาก็พลัดจากเทวดาด้วยกันมา ก็มาเกิดเป็นมนุษย์ อยู่จนหมดอายุขัยชีวิตหนึ่ง 

แล้วเขาทำดีของเขา เขาได้ไปเกิดเป็นเทวดาใหม่ เขาก็ ไปร่วมขบวนการเก็บดอกไม้ เพราะภายใน วัน เขาไปเก็บดอกไม้กันวันหนึ่ง เห็นไหม วันหนึ่งเขายังไม่กลับเลย เรา ๑๐๐ ปี พอเทวดาไปเกิดใหม่ ถามไปไหนมาเนี่ย” “โอ้! ก็ไปเกิด ในมนุษย์มาชาติหนึ่งไปเกิดในมนุษย์มาชาติหนึ่งนะ ไอ้พวกนั้นยังเก็บดอกไม้ไม่เสร็จ พออย่างนั้นไปเกิดใหม่ปั๊บ เขาก็กลับไปวิมานด้วยกัน เวลานี่ พูดถึงนี่อยู่ในพระไตรปิฎกนะ ใครจะเชื่อ ไม่เชื่อนั่นเป็นสิทธิ์ เป็นสิทธิ์ของทุกๆ คน 

ฉะนั้นกรณีอย่างนี้ ในพระพุทธศาสนามองเรื่องนี้ อย่างใดถ้ามองเรื่องนี้นะ การทำให้ตาย การทำให้ตาย บาปกรรม ทั้งนั้น เพราะในพระพุทธศาสนาสอนเรื่องกรรมดี กรรมชั่ว พระพุทธศาสนาสอนทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว สอนถึงเรื่องการทำ คุณงามความดี ถ้าคุณงามความดีนะ อย่างเช่น ทำลายล้างชีวิตกันมันจะเป็นความดีอย่างไร 

เอ้า! ก็ทำร้ายชีวิตเขาด้วยความเมตตา ก็เขาทุกข์เขายากของเขาเพราะความเมตตาทำร้ายชีวิตของเขาด้วยความเมตตา แล้วถ้ามิจฉาทิฏฐิความเห็นผิดของเขา เขาบอกว่าแล้วคนที่ตาย เขาตายไปด้วยความสงบสุข เขาตายไปตายไปด้วยความสงบสุข หมดอายุขัยหรือยัง สงบสุขเหรอ ลองตายไปแล้วไปเจออะไร ถ้าตายก็เจออย่างที่ว่าในครอบครัวมีปัญหา กันมาก แล้วจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว พอจะเรื่องระงับไปแล้ว เพราะเราไปซะ เรื่องจะได้จบ พอไปแล้วมันไม่จบน่ะสิ 

นี่ก็เหมือนกัน เวลาบอกเขาพร้อมที่จะไปๆ เพราะอยู่ นี่มันยุ่งยากนัก อยู่ที่นี่มันลำบากนัก อยู่ที่นี่อยากตาย เขาเป็น นักวิทยาศาสตร์ด้วยเราจะบอกว่าเป็นมิจฉาทิฏฐิ มองกัน หน้าเดียว ทางโลกเขาเรียกว่ามองมุมเดียวไง มอง มุมมองของ เขาไง มุมมองของเขาว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ อายุ ๑๐๔ ปี เขาเป็นคนที่แข็งแรง ถ้าร่างกายไม่พร้อมที่จะอยู่แล้ว ไม่ควรอยู่เป็นภาระใคร ไม่เป็นภาระใคร เวลาโลกเขาเรียกร้องกันที่เขาให้แก้กฎหมายไง เงินสวัสดิการนี่ไง เวลาเกษียณแล้วจะต้องมีบำนาญไง จะต้องมีการดูแลให้อยู่ได้ไง นี่ก็เหมือนกัน เอ็งเกษียณมาขนาดนี้ทำไมอยู่ไม่ได้ล่ะ แต่นี่คิดอย่างนี้ เขามีความคิดอย่างนี้ เขามีมุมมองอย่างนี้ เขาคิดว่าถ้าสิ้นไปแล้วจะได้จบเรื่อง อยากรู้ว่าจบจริงเหรอ ชีวิตนี้ฆ่าได้ แต่ฆ่าจิตวิญญาณไม่ได้ ไปภพชาติ ใหม่แน่นอน ฉะนั้น ถ้ามุมมองขนาดนี้เราก็มองแค่นี้ไง 

แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นี่ เห็นไหม เวลาชำระล้างกิเลส เห็นไหม พ้นไปจาก โลกธาตุ กามภพ รูปภพ เราทำสิ่งใดมันอยู่ในกรรมเวรใดก็ต้องไปตกในภพชาตินั้น เป็นอย่างนั้นแน่นอน แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นไปแล้ว เราเกิด เป็นมนุษย์ เกิดมาพบพระพุทธศาสนา พุทธศาสนาสอน สอนให้เราไม่ตกไปในที่ต่ำ ไม่ตกไปในที่ชั่ว แล้วถ้าเขามีทิฏฐิมีความเห็นอย่างนี้ ถ้ามีทิฏฐิมีความเห็นอย่างนี้ นี่พูดถึงเขาบอกว่าเขามี ความพร้อมนะ ลูกหลานก็ส่งเสริมนะ เขาเตรียมตัวเอาไว้ทุก ด้านนะ แล้วเขามีความพร้อม เขาไปด้วยมีความสุขความสงบ ของเขานี่มิจฉาทิฏฐิความเห็นผิดไง ความเห็นผิด กรรมที่มันเห็นผิดแล้วมันจะไปถูกได้อย่างไร เวลาถ้ามันตายไปแล้ว แล้วใครยืนยัน 

ในพระไตรปิฎกอีกล่ะ สมัยพุทธกาล มีกษัตริย์องค์หนึ่งไม่เชื่อเรื่องนรก สวรรค์ ไม่เชื่อ ฉะนั้น เขาก็เอานักโทษประหารครอบไว้อย่างดีเลยนะ ครอบแก้วเลยแล้วฆ่า ดูสิวิญญาณมันออกตรงไหน แล้วก่อนจะฆ่าสั่งไว้นะเอ็งไปแล้วนะ เอ็งไปสวรรค์มาบอกกูด้วย เอ็งไปนรกก็บอกกูด้วยฆ่าแล้วฆ่าเล่า ไม่มีใครมาบอกสักคน กษัตริย์ไม่เชื่อ นรก สวรรค์ ไม่มี 

สุดท้ายแล้วมันมีพระองค์หนึ่งเป็นอาจารย์ของเขา เป็นพระที่หูตาสว่างมาอธิบาย อธิบายเลยว่า คนไปสวรรค์แล้ว พอ ขึ้นไปสวรรค์ไปแล้ว เขาไปอยู่ในที่หอมหวน ที่ดีงามทั้งหมด แล้วจะกลับมาบอก มันมาเนี่ยมันมาตกในหลุมขี้จะมาไหม ไม่มา ไอ้คนที่ตกไปนรกแล้ว ตกนรกมันมาไม่ได้ อธิบายจนกษัตริย์นั้น ยอมรับนะ พอกษัตริย์นั้นยอมรับ บอกว่า ให้กษัตริย์นั้นให้ประกาศ เพราะต้องการให้ประชาชนเข้าใจเรื่องกรรมดี กรรมชั่ว เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เขาบอกประกาศไม่ได้หรอก เพราะอะไร เพราะถือทิฏฐิอย่างนี้มานานแล้ว ไม่ยอมรับ

นี่ในพระไตรปิฎกก็มี ไอ้เรื่องไม่เชื่อเรื่องนรก สวรรค์ มันมีมาสมัยพุทธกาลแล้ว แล้วทิฏฐิมานะอย่างนี้มันมีมามหาศาล แล้วพอมาเจอนักวิทยาศาสตร์ อายุ ๑๐๔ ปีคนหนึ่งที่เขาไม่เชื่อ เรื่องอย่างนี้ แล้วเขาจะฆ่าตายแล้วเขาจะมีความสุขของเขา ถ้าเป็นมิจฉาความเห็นผิดก็เรื่องของเขา เราไม่ต้องไปแบกโลกไง 

แต่! แต่ถ้ามีคนที่เห็นดีเห็นงามทางแบบว่าคนรุ่นใหม่เขาจะมีความเห็นเหมือนเขา มันจะเป็นภาระ อันนี้มันต้องอยู่ที่ วาสนานะ วาสนานี่ถ้าคนดี คนที่มีอำนาจวาสนาด้วยเหตุด้วยผล เราคุยกันด้วยเหตุด้วยผลนะ ธรรมะนี่เราคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่การบังคับ ลัทธิศาสนาอื่นเขามีตำรวจศาสนาคอยบังคับ พุทธศาสนานี่สิทธิเสรีภาพ จะเชื่อก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ ตามสบายเลย 

แต่เวลาเชื่อแล้วมันก็มีนะ มันมีผู้ที่เข้มแข็งเข้มข้น อย่างหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น อย่างครูบาอาจารย์ของเรา เห็นไหม ถ้าเชื่อแล้วอยากประพฤติปฏิบัติอยากจะทำให้ได้ ไอ้เชื่อครึ่งๆ กลางๆ ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง มีหรือไม่มี ไอ้เชื่อตามกระแส เฮ้ย! เขาดี เขาว่าดีเว้ย ดี พอดีสักพักหนึ่ง เออ! ไม่จริง ถอยอีกแล้ว ไอ้พวกตามกระแสเดี๋ยวเข้าๆ ออกๆ ไอ้พวกนี้มันมีของมันมา ตลอดอยู่แล้ว ถ้ามีตลอดอยู่แล้วนี่เป็นเรื่องของจริตนิสัยของจิตวิญญาณ ของสัตว์โลก

ฉะนั้น สิ่งที่ว่า ถ้าการุณยฆาต ในมุมมองของพระพุทธ-ศาสนา ทำให้ตาย บาปแน่นอน ทำให้ตาย ไม่ใช่ตายเอง ตามธรรมชาติ ทำให้ตาย บาปเด็ดขาด ฆ่าตัวตายเด็ดขาด การุณยฆาต การุณยฆาตที่ไหน มันมีสิทธิที่ไหนที่ให้ทำ ทีนี้อย่างที่มีกฎหมาย กฎหมายในประเทศที่เขาอนุญาต ไอ้นั่นก็ด้วยการลงประชามติ มันด้วยกติกาสังคม มันไปลบล้างกรรมดี กรรมชั่วไม่ได้ กติกาของสังคม กติกาของผู้ที่ลงความเห็นกันไว้จะไปลบล้างความดีความชั่วของคนไม่ได้ 

แต่กติกาสังคมบางประเทศที่เขายังไม่ยอมให้มีการ กระทำนั้น คือว่าสังคมของเขา เขายังมีสิ่งที่เขาไม่เห็นด้วย เขา ไม่ออกกฎหมายอย่างนั้น เราจะไปมุมมองอย่างนั้น บางอย่างนะ บางอย่างที่กฎหมายที่มันเป็นธรรมเราก็เห็นด้วยนะ แต่กฎหมาย อย่างนี้ กฎหมายกรณี กรณีทำกิฟท์ กรณีทางพันธุกรรมเขา ไม่ให้ทำ ไม่ให้ทำเพราะอะไร เพราะมันทำต่อเนื่องไปแล้วมันจะทำให้มนุษย์โลกมีปัญหาเรื่องโลกเลย วิทยาศาสตร์มันไปนู่นเลย

นี่ก็เหมือนกัน ลองให้ทำ ให้ทำไป ฆ่า ฆ่า การุณยฆาต ถ้ากูไม่พอใจมึงก็การุณยฆาต กูไม่พอใจ กูจับคนนั้นมาเลย การุณยฆาต โธ่! อันนี้พูดถึงนะ กฎกติกาสังคมไม่สามารถลบล้างบุญและบาปได้ ไม่สามารถลบล้างความดีความชั่วของคนได้ แต่คนที่เห็นด้วย คนที่กระทำด้วย นี่ไง สังคมโลกมันเรื่องโลกๆ ไง ฉะนั้น เขาบอกว่าเขาฆ่าตัวของเขาเอง ซึ่งต่างจากการ ผู้ที่ฆ่าตัวตาย และซึมเศร้าที่ผิดหวังในชีวิตฆ่าตัวตายการฆ่า ตัวตายก็อย่างหนึ่ง การที่เขาสั่งให้คนอื่นฆ่าทำให้ตาย มีการ ทำให้ตาย เขาพร้อมของเขา เขาพร้อมก็เป็นมิจฉาทิฏฐิ

ในสมัยพุทธกาลอีกล่ะ เวลาพระ เห็นไหม เวลาองค์-สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสั่งพระอานนท์ไว้ เราจะหลีกเร้น พอหลีกเร้นขึ้นไปแล้ว วันออกมา โอ้โฮย! พระมันร่อยหรอ ถามพระอานนท์ทำไมพระเป็นอย่างนั้น” “โอ้! เวลาองค์- สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหลีกเร้น พระที่ภาวนาเข้าไปแล้วเห็นเป็นอสุภะ เห็นตัวเองแล้วขยะแขยง เอาบริขาร ไปจ้างให้กัลบกเชือดคอตาย พระนี่ไปจ้างเขาเชือดคอตาย เชือดคอตาย

พอองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าออกจากวิเวกมา เห็นไหม บอกว่านั่นน่ะ พวกโมฆบุรุษทำผิด ห้ามทั้งนั้นการุณยฆาตไหม จ้างเขาฆ่าก็เหมือนการุณยฆาต ในสมัยพุทธกาลก็มี นั่นน่ะสมัยพระพุทธเจ้าทำอย่างนั้น พระพุทธเจ้าทำอย่างนั้น เพราะอะไร เพราะว่ามันเป็นกรรมของสัตว์ไง พระพุทธเจ้าบอกว่าเขามีเวรกรรมของเขา เขามีทิฏฐิความเห็นอย่างนั้น แล้วเวลามาทำแล้ว เวลามาปฏิบัติแล้วมันมีมุมมองให้เห็นร่างกายตัวเองเป็นซากศพ เกิดซากศพแล้วเกิดความขยะแขยงรับความเป็นอยู่ของตนเองไม่ได้” 

ทีนี้พระพุทธเจ้าเข้าหลีกเร้นไง ถ้ามีพระพุทธเจ้าอยู่ เขาก็เข้าไปหาพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็จะแก้ไข แต่นี้พระพุทธเจ้าเห็นว่ามันคงเป็นกรรมหนักไง แก้ไขอะไรไม่ได้ ท่านถึงหลีกเร้น แล้วพอเสร็จแล้วไปเอาบริขาร พระไม่มี ไม่มีสมบัติ ก็มี บริขาร มีบาตร มีจีวร ก็เอานี่เป็นค่าจ้าง ให้ช่างตัดผมเอามีดโกนเชือดคอตาย โอ! พระตายเยอะแยะเลย การุณยฆาต องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาโมฆบุรุษ! ปรับโทษด้วย แล้วห้ามไว้เลย ห้ามหมด” 

นี่พระพุทธศาสนา ไอ้นี่เวลาถึงคราวถึงกาลของผู้ที่สร้างเวรสร้างกรรมมา มันจะเกิด เกิดความเห็นส่วนตัวอย่างนั้น นี่พูดถึงนี่ความเห็นของเขา ฉะนั้น ทำให้ตายเป็นบาปกรรมแน่นอน การุณยฆาตมาจากไหน การุณยฆาตอันนั้นมันเป็นมติของสังคม กฎหมายนั้นไม่มีผล ไม่มีสิ่งที่จะมาลบล้างความดีความชั่ว ถูกหรือผิด บาปบุญได้เด็ดขาด บาปคือบาป และบุญการกระทำของคนเท่านั้น มันเป็นเฉพาะผู้กระทำนั้น ไอ้กฎหมายส่วนกฎหมาย ไม่เกี่ยวกัน

ถ้ามองแบบ แบบภายนอกก็เหมือนว่าน่าจะสู่ภพภูมิที่สุคติได้เหมือนกัน ถ้าเขาได้ทำความดีสะสมมาไว้เพียงพอไอ้ความดีที่เขาทำมาส่วนความดีของเขา ไอ้สิ่งที่ว่าเขาสละชีวิตของเขา เขาจ้างเขานะ การุณยฆาตนี่ต้องไปโรงพยาบาล ต้องเสียเงิน จ้างเขาให้ฆ่าตัวเอง ด้วยความพร้อม ด้วยความไม่อยากอยู่ แล้วถูกต้องตามกฎหมายไง เพราะประเทศเขาอนุญาตไง แล้วหมอก็ได้ตังค์ไง หมอก็ได้ตังค์ด้วย พอได้ตังค์ได้เงินได้สินจ้างรางวัล ในการฆ่ามนุษย์ด้วยสารเคมี ด้วยการทำลาย นี่ทำคนให้ตาย เพราะกฎหมายอนุญาตหมดแล้ว ก็สบายไง ได้ตังค์ไง ทุกอย่างพร้อมไง แล้วบาปหรือบุญทุกคนต้องรับไปตามที่การกระทำนั้น นี่พระพุทธศาสนามองแบบนี้ 

เขาถามว่ามุมมอง เขาน่าจะไปสู่สุคติสู่ภพภูมิได้สู่ สุคติอย่างใด ตายไปแล้ว คนนะถ้าทำคุณงามความดีมหาศาล ตายแล้วนะ ขึ้นไปบนเทวดานะ จะมีรถม้ามารับไปเลย เวลาคนตายลงไปในยมบาล ถ้าดีหรือชั่ว ถ้าชั่วแล้วตกนรกไป ถ้าดี ดีก็ตัดสินขึ้นสวรรค์ไป ต้องไปตัดสินกัน แต่ถ้าคนทำคุณงามความดี มากนะ จิตตคหบดีเนี่ยรถม้ามารับเลย คนทำความดีมากไปเลย ไม่ต้องไปผ่านศาล ไม่ต้องไปผ่านนั่น แล้วเวลาคนจะเกิดเป็นมนุษย์ไง ตรงนั้นก็เกิดเป็นมนุษย์เลย แล้วถ้าไปนี่พูดถึงจิตที่เวียนว่ายตายเกิด แล้วเวลาเขาไป ใครจะไปตัดสินตรงไหนอ๋อ! กระผมทำการุณยฆาตมาครับ เขาฆ่าแล้วมาอยู่นี่ครับ ยมบาลก็ตัดสินสิครับสัมภเวสีไง

นี่พูดถึงว่าถ้าพูดถึงความเห็นไง ว่าเขาในการกระทำของเขา เขาน่าจะไปสู่ภพภูมิที่สู่สุคติได้ สู่สุคติเรามองแค่นี้ไง เราไม่ได้มองว่าสิ่งที่เขาทำมามากน้อยแค่ไหน เขาทำสิ่งใดมาบ้าง แล้ว กรรมเก่า กรรมใหม่ กรรมมันให้ผล เห็นไหม กรรมให้ผล แน่นอน แต่การกระทำนั้นบาปแน่นอน เพราะทำให้ตาย มีการ กระทำ มีกรรม! มันมีกรรม มันมีการกระทำ มันไม่ธรรมชาติ กรรมที่กระทำนั่นน่ะมีผลทั้งนั้น แน่นอน เอ้า! เดี๋ยวไปอีก ข้อหนึ่ง การุณยฆาตเหมือนกัน จบ

ถาม : เรื่องจะภาวนาพุทโธค่ะ

กราบขอบพระคุณสำหรับคำตอบอีกครั้งนะคะ โยมได้มีความเข้าใจจากการฟังเทศน์ของพระอาจารย์อีกมากมายหลาย กัณฑ์ เป็นสิบกัณฑ์แล้วค่ะ แต่เป็นด้านการภาวนา จากใน เว็บไซต์นี้และได้ฟังเทศน์ล่าสุด เรื่องไม่ลวงโลกนี่ด้วยค่ะ โยมจึงตกลงใจที่จะภาวนาพุทโธค่ะ ต้องขอบพระคุณที่พระ-อาจารย์เทศน์แรงๆ ให้โยมได้ถอนทิฏฐิมานะความเชื่อมั่นในตนเองและความสับสนแบบงุนงงสุดขีดค่ะ โยมใช้เวลาถึง ปี ที่ตามหาว่าภาวนาแบบไหนถึงจะถูกต้อง แม้แต่พระอาจารย์จะเทศน์แรง แต่โยมก็ได้เห็นความเมตตาสงสารที่แอบซ่อนอยู่ค่ะ 

กราบขอบพระคุณเป็นอย่างสูง เขียนมาฉบับนี้ไม่ต้องอ่านออกอากาศก็ได้นะคะ

หลวงพ่อ : นี่เขาเขียนมา เวลาถ้าคนเจ็บไข้ได้ป่วยไปหาหมอก็อยากให้หมอให้ยา เวลามันหายเจ็บแล้ว ยาก็ไม่เอาค่ะ ไม่ต้องตอบนะคะถ้ามันเชื่อนะ ถ้าไม่เชื่อนะต้องแรงๆ ค่ะ 

ตอบ : นี่พูดถึง เห็นไหม เขาบอกว่า ให้ถอนทิฏฐิมานะความ เชื่อมั่นตนเองๆ ไง แต่ความเชื่อมั่นตนเอง เวลาเราหลงผิด เรา ไม่รู้เลยว่านี่คือความหลงตัวเอง ความเชื่อมั่นตัวเองๆๆ ถ้ามัน ถูกต้องดีงามก็เป็นสัมมาทิฏฐิไง 

ความเชื่อมั่นตัวเองๆๆ ถ้าเป็นความผิดก็เป็นความหลงไง เวลาความหลงเป็นมิจฉาทิฏฐิ แล้วเวลามิจฉาทิฏฐิมีความหลงใหลไปไง ใครมาแล้วออดอ้อน ยกย่องสรรเสริญ อู้ย! ลอยฟ้า เป็น คนดี หลงใหลไง ต้องการให้คนยกย่องสรรเสริญไง แล้วตัวเอง ว่าตัวเองมีความสามารถไง นั่นน่ะคือความหลงไง เวลาความ หลงนั่นเป็นความเชื่อมั่นตัวเอง 

เวลามันรู้ถูกรู้ผิดขึ้นมาแล้ว เราถึงบอก ความเชื่อมั่น ตัวเองๆ ให้มันเป็นสัมมาทิฏฐิ ต้องมีเหตุมีผลสิ ถ้าไม่มีเหตุมีผลสิ่งนั้นเราไม่เอา ถ้าเราไม่เอาแล้วใครจะมีวาสนา ไม่มีวาสนาตรงนี้ ตรงที่ว่าฟังเหตุฟังผลหรือไม่ ถ้าฟังเหตุฟังผลแล้วมันเป็นประโยชน์ขึ้นมา ประโยชน์กับใคร ประโยชน์กับจิตดวงนั้น ประโยชน์ผู้ที่ใช้ได้ประโยชน์ นี่ไง ถ้ามันได้ประโยชน์แล้วก็จบไง 

ฉะนั้น เขาบอกจะภาวนาพุทโธค่ะสาธุ ภาวนา ภาวนาสิ่งใดก็ได้ แต่ภาวนาแล้วมันต้องมีเหตุมีผล ธรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ มันต้องมีเหตุมีผล มีสิ่งที่ความเจริญขึ้น แล้วถ้ามีเหตุ มีผลถูกผิดมันต้องรู้ ถ้าถูกผิดต้องรู้นะเพราะอะไร เพราะคนที่ มันภาวนาไม่ได้คือความผิด มิจฉาทิฏฐิ การกระทำที่ผิดพลาด ถ้าทำให้มันถูกต้องดีงามก็ต้องเป็นศีล สมาธิ ปัญญาที่ถูกต้อง ดีงามขึ้นมา ถ้ามันเป็นศีล สมาธิ ปัญญาที่ถูกต้องดีงามขึ้นมา มันทำมาจากอะไร ทำมาจากอะไรนั่นคือบาทฐาน นั่นอยู่ที่การ กระทำ แล้วก็จับหลักจับการกระทำนั้นพัฒนาต่อเนื่องขึ้นไป 

การภาวนาขึ้นไปก็เป็นปุถุชน กัลยาณชน โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกิทาคามิมรรค สกิทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตตมรรค อรหัตตผล ขึ้นไป เจริญงอกงาม ขึ้นไป ถ้าทำด้วยความเป็นสุภาพบุรุษซื่อสัตย์ ซื่อตรงต่อธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มันก็เจริญงอกงามขึ้นไปตามความเป็นจริง

แต่ถ้าตามสัญญาอารมณ์ ตามพรรคพวก ตามกระแสสังคม ตามคนที่ชักนำ ตามคนที่เห็นดีเห็นงาม เห็นดีเห็นงาม คือกิเลส เห็นดีเห็นงามก็พวกกู เห็นดีเห็นงามก็ผลประโยชน์ไง เห็นดีเห็นงามก็คนกลุ่มมากไง ในโลกนี้มีคนโง่มากหรือคน ฉลาดมาก คนโง่ๆ ทั้งนั้น ไอ้กลุ่มมากโง่ๆ ทั้งนั้น ไอ้คนฉลาด มีอยู่ คน ไอ้คนโง่ทั้งประเทศ แล้วก็เชื่อไอ้คนโง่นั่นน่ะ นี่พูดถึงความเห็น จบ

ถาม : เรื่องการุณยฆาตอีกล่ะ

หลวงพ่อได้ทราบข่าวที่กำลังดังและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ไหมครับ 

มีฝรั่งชาวออสเตรเลียอายุราว ๑๐๔ ปี เป็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่ได้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง ไม่ได้ยากจนไม่มีกินมีใช้ ไม่ได้เป็นโรคจิตซึมเศร้า เขาผ่านการทดสอบการประเมินแล้วว่าไม่มีปัญหาด้านจิตใจใดๆ ทั้งนั้น เขาต้องการจบชีวิตลง เพราะร่างกายที่ชราทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรๆ ได้อย่างที่เคย แต่ เพราะกฎหมายของประเทศเขาไม่อนุญาตการุณยฆาต เขาจึง เดินทางไปสวิสเซอร์แลนด์ ซึ่งกฎหมายยอมรับว่าเป็นสิ่งถูกกฎหมาย และเขาก็ได้ฉีดยาให้ตัวเองจบชีวิตได้สำเร็จแล้ว เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กว้างขวางมาก ในประเด็นใดไม่หมด ไล่ประเด็นได้ไม่หมด สมมุติสัจจะทั้งนั้น หาที่สิ้นสุดยาก 

ผมอยากให้ท่านพูดเรื่องปรมัตถสัจจะ มันคือการฆ่าตัว ไหม เป็นกรรมชั่วไหม หรือว่าเป็นสิทธิ์ที่เราทำได้ เลือกที่จะ ตายเหมือนเราต้องการ 

ตอบ : นี่คำถาม การุณยฆาตที่ การุณยฆาตที่แรกตอบไปแล้ว นี่การุณยฆาตที่ ผู้ที่มีความสนใจ เห็นไหม ผู้ที่มีความสนใจ ผู้ที่มีศรัทธาความเชื่อในพระพุทธศาสนา เราก็มีความเชื่อของเรา พอมีความเชื่อของเรา พอมันมีผลกระทบจากสิ่งที่สังคม เขาเชื่อถือ จากคนที่เขากระทำ มันต่างจากความเชื่อของเราๆ ไง 

แล้วต่างจากความเชื่อของเรา เห็นไหม มันก็ย้อนกลับมาแล้ว ในโลกนี้ผู้ที่นับถือศาสนา คริสต์ศาสนาเป็นอันดับ ใช่ไหม แล้วอิสลามเป็นอันดับ พระพุทธศาสนานี่เป็นอันดับ ถ้าพระพุทธศาสนาเป็นอันดับ ใช่ไหม ในโลกนี้มีกี่ร้อยล้าน ที่นับถือพระพุทธศาสนา แล้วผู้นับถือพระพุทธศาสนาแล้วมันก็จะแยกย่อยเป็นนิกาย นิกายมหายาน มหายานเขาก็เชื่อเรื่องนั้น เหมือนกันนะ แต่ถ้าเป็นเถรวาทของเราไม่เชื่อเลย เพราะทางเถรวาทมันมาตามพระไตรปิฎก เพราะตั้งแต่พระกัสสปะ พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ พระอรหันต์ทั้งหมดทำสังคายนาแล้ว แล้วก็ลงญัตติไว้ว่าเราจะไม่แก้ไข จะไม่แก้ไขต่างๆ ในคำสอนพระพุทธเจ้า เชื่อสิ่งนั้นมา 

แล้วเวลามีผู้ที่ประพฤติปฏิบัติมา เราพึ่งเกิดมาปี ๒๔๙๔ หลวงปู่มั่นนิพพานไป ปี เราถึงเกิด พอเกิดแล้วเราก็ยังไม่ได้ พบครูบาอาจารย์ที่ทรงคุณธรรมที่สูงส่ง แต่พอเรามาเจอมาพบ เรามาพบครูบาอาจารย์ของเราที่ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น เวลาพูดถึงลูกศิษย์หลวงปู่มั่นนะ เวลาฟังธรรมๆ เนี่ย มันเชื่อใจแล้วมันลงใจอย่างนี้ไง เพราะหลวงปู่มั่นท่านกว้างขวางมาก หลวงปู่มั่นท่านทะลุปรุโปร่งมาก ความทะลุปรุโปร่งเวลาศึกษาธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยศรัทธาความเชื่อนั้นเป็นทฤษฎี เราก็ศึกษามาเป็นแนวทาง แล้วเป็นแนวทางมาแล้ว คนที่มีการศึกษาแล้วเราจะออกไปทำงานนี่งงๆ ทั้งนั้น มันจะเริ่มต้นอย่างไร มันจะทำอย่างไรทั้งนั้น

นี่ก็เหมือนกัน เราก็ศึกษา เราปฏิบัติ เวลาปฏิบัติขึ้นมามันก็พยายามจัดกระบวนความคิด จัดรูปแบบความคิด จัดขบวนความคิดให้เข้ารูปเข้ารอย แล้วพยายามทำความสงบของใจเข้ามา แล้วกว่ามันสงบแสนยาก พอแสนยากขึ้นมา เวลาครูบาอาจารย์ท่านพูดถึงหลวงปู่มั่นๆ แล้วเวลามันปฏิบัติไป โอ้โฮ! สิ่งนี้ สิ่งนี้ที่มันจะเข้ารูปเข้ารอย เวลาเข้ารูปเข้ารอยแล้วมันจะมาเข้าใจเรื่องอย่างนี้ไง เรื่องอย่างที่ว่านี่การเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ เราก็เป็นคนคนหนึ่งที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ และพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบขึ้นมาก็มีมากมายมหาศาล ทำไมเขาประพฤติปฏิบัติแล้วเขาไม่ได้มรรคได้ผล ไม่ได้มรรคได้ผลเพราะปฏิบัติไปแล้ว มันไม่เข้าสู่มรรคสู่ผลไง มันอยู่ที่อำนาจวาสนา อยู่ที่จริตนิสัย 

ฉะนั้น เวลาหลวงตาท่านพูดประจำ ถ้าใครมีอำนาจวาสนามาอย่างไร ปฏิบัติไปแล้วถ้ามันได้ตามความเป็นจริงนั้น มันเป็นที่การกระทำนั้น มันมีบาทฐานอันนั้นมาด้วย แต่นี้ผู้ที่ประพฤติปฏิบัติครูบาอาจารย์ของเรานะ ท่านก็พยายามจะมาวางรากฐานไง วางรากฐานจากความจริง ดูสิ เวลาคำเทศน์ๆ เวลาคำเทศน์จากปริยัติ เห็นไหม เวลาอ่านตำรับตำรา ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสุดยอดมากนะ แต่เวลาเทศน์ออกไปแล้ว ผู้ฟังนะมันจืดชืดแล้วมันไม่ดูดดื่ม แต่เวลา มาฟังเทศน์หลวงตา ฟังเทศน์ครูบาอาจารย์ของเราที่ท่าน เป็นธรรมๆ มันมีคุณธรรมออกมาในใจไง คำพูดเป็นจริง สัจจะความจริง คนรู้จริง คนเห็นจริง คนพูดจริง เหมือนผู้พิพากษา ผู้พิพากษาเวลาลงโทษมันมีผลจริง แต่เราอ่านฎีกาของผู้พิพากษาอ่านไปเถอะ เพราะไม่ใช่ของเรา นี่ก็เหมือนกัน ถ้าเป็นจริงๆ มันเป็นจริงอย่างนั้น 

นี่พูดถึงว่าสิ่งที่ว่าโลกเขามองกันอย่างนั้น แล้วอยากเป็นปรมัตถสัจจะ นี่ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่ทำให้ตายเนี่ยเราถือว่าใช่ การฆ่าตัวตาย จ้างเขาฆ่าก็ได้ ฆ่าเองก็ได้ อยู่ในพระไตรปิฎกเหมือนกัน มันมีนะพระสมัยพุทธกาล มันมีสามีภรรยา อยากจะได้ภรรยาเขา ไปพรรณนาถึงความตาย ความตายจะดีอย่างนั้น ประเสริฐอย่างนั้น ตายแล้วจะได้อย่างนั้นๆ พูดทุกวันๆ จนผัวมันฆ่าตัวตาย จนฆ่าตัวตายนะ เพราะเราไปพรรณนาถึงผลของความตายไง ตายแล้วมันจะมีประโยชน์อย่างนั้น ได้เกิดอย่างนั้นๆ เป็นบุญกุศลอย่างนั้น

ทีนี้พอตายไปแล้วชาวบ้านเขาติเตียนกันมาก นี่อยู่ใน พระวินัย อยู่ในปาฏิโมกข์เลย สมัยพระพุทธเจ้าดำรงชีพด้วย พอชาวบ้านเขาติเตียน ติเตียนไปฟ้องพระพุทธเจ้า โอ้ย! พระพุทธเจ้านี่ นี่ไง มันถึงบอกว่าไอ้กรณีนี้กรณีที่ว่าปาราชิก ฆ่าบุคคล ฆ่าคนตาย จ้างเขาฆ่า เป็นอุบายให้เขาฆ่า ฆ่าเอง หรือพรรณนาให้เขาฆ่า ปาราชิก ไปเปิดดูสิ มีพระพรรณนา ถึงความตายไง คืออยากให้เขาฆ่าตัวตาย คือเหมือนกับฆ่าเขา ด้วยการเชิดชูการตาย พยายามพรรณนาถึงความตายให้ประเสริฐ จนคนนั้นทำลายตัวเอง

นี่ก็เหมือนกัน นี่ไปโรงพยาบาลจ้างเขาฆ่า เหมือนกัน เพราะอะไร เพราะเวลาคนเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย เป็นสัจจะในพระพุทธศาสนา แล้วกรณีนี้มันมี เกิดขึ้นมาอยู่แล้ว แล้วนี่พึ่งมาเกิดขึ้นใหม่ เราพูดนี่อยู่ในพระ-ไตรปิฎกเลย พระพรรณนาถึงความตายจนเขาเห็น จนเขาเชื่อ เขาคล้อยตาม แล้วเขาก็ฆ่าตัวตายจริงๆ 

ไอ้นี่ก็เหมือนกัน นี่เหมือนกันแต่ว่ามันเป็นการไปจากออสเตรเลียไปสวิสฯ ไปโดยเครื่องบินเลย แล้วเอาเงินจ้างเขาให้ฉีดยาให้ตัวเองตาย เราถือว่าเป็นการทำให้ตาย เราถึงบอกว่าอย่างที่พูดข้อที่แล้ว เวลาตายไปแล้ว เห็นไหม ผลของวัฏฏะนะ หมดอายุขัยหรือไม่ ถ้าหมดอายุขัยมันก็เป็นไปตามวัฏฏะ ผลของวัฏฏะที่เราเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ผลของวัฏฏะ แล้วเวลาผลของวัฏฏะมันมีช่องว่างของมัน นั่นสัมภเวสี คำว่าสัมภเวสีคือไม่เสวยภพ ยังไม่เสวยภพเพราะมันมีช่องว่าง ช่องว่างเป็นสัมภเวสี แต่มันร้ายกาจตรงนี้ แต่เวลาที่มันแตกต่าง เวลามันยาวไกลกว่าเราเยอะนัก คนตาย คนตายนี่นะ 

เวลาหลวงปู่มั่นท่านไปเจอ เวลามาถามถึงชาวบ้าน ที่นั้น เขาบอก โอ้ย! หมู่บ้านนั้นมันหมดแล้ว เวลามันจะต่างกัน ยาวมาก แต่เวลาคนเราเหมือนปัจจุบันไง เหมือนปัจจุบัน ความคิดเป็นอย่างนี้ แต่การเสวยภพชาติต่างกันยาวไกลมาก นี่พูดถึงปรมัตถสัจจะนะ ปรมัตถสัจจะพูดถึงผลของวัฏฏะ แต่ปรมัตถสัจจะจะต้องทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ทุกข์ดับ วิธีการดับทุกข์ มันต้องเห็นด้วยมรรคด้วยผล ไอ้นี่มันหนี มันหนีไปด้วยความมิจฉาทิฏฐิความเห็นของตนว่าไปแล้วมันจะพ้น มันก็ เหมือนคนฆ่าตัวตายนั่นแหละ ทุกข์จนทนอยู่ไม่ได้ ทำร้าย ตัวเองว่ามันจะพ้นทุกข์ กลับไปทุกข์หนักกว่าเก่า

นี้ก็เหมือนกัน คนเรามันสร้างเวรสร้างกรรมมา คนมีเวรมีกรรมอย่างใด เห็นไหม เราเผชิญกับความจริงอันนั้นจนจะหมดเวรหมดกรรม อย่างเรานี่ขี้ทุกข์ขี้ยากเลย วันไหนหมดเวรหมดกรรมมันจะเป็นเศรษฐี จากขี้ทุกข์ขี้ยากเวลาพ้นจากทุกข์จากยากมันจะเป็นเศรษฐี จะคอยแจกทองคำแท่งเลย โธ่! เรา ทำของเรามาไปกลัวอะไร สพฺเพ สตฺตา สัตว์ทั้งหลายเป็น เพื่อนเกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ใครทำกรรมสิ่งใดจะได้รับผลกรรมสิ่งนั้น เอวัง